รีวิว แนะนำ แหล่งท่องเที่ยวเชียงราย และกิจกรรมต่างๆ สถานที่สำคัญของเชียงราย ประวัติศาสตร์ล้านนา ประวัติศาสตร์ของแต่ละจังหวัด แล้วท่านจะรู้ที่มาที่ไปของแต่ละชื่อแต่ละเมือง เช่น แม่สาย เชียงแสน ดอยตุง ดอยช้าง ภูชี้ฟ้า สามเหลี่ยมทองคำ กษัตริย์ล้านนา

Custom Search

ประวัติการสร้างเมืองเชียงรายโดยย่อ ๒

ประวัติการสร้างเมืองเชียงรายโดยย่อ ตอนนี้เป็นตอนที่สองแล้ว และเป็นตอนสุดท้ายสำหรับชุดนี้ ที่ได้รวบให้เป็นรูปแบบที่สั้นมากๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลามาก อ่านแป๊บเดียวก็สามารถมองภาพของเมืองเชียงรายได้ โดยย้อนนึกประวัติศาสตร์หัวเมืองเหนือแถบนี้ไปแต่ละยุคแต่ละสมัย ซึ่งก็เป็นประโยชน์มากสำหรับผู้เรียนเช่นกัน เพื่อจะได้เข้าใจง่ายมากขึ้น

พ.ศ. ๑๘๐๒ เมื่อพระเจ้าเมงราย มีพระชนม์ได้ ๒๒ ปี ได้ขึ้นครองราชย์ที่นครเงินยาง และได้เริ่มรวบรวมหัวเมืองฝ่ายเหนือ เช่นเมืองมอบ เมืองเชียงคำ เมื่องเชียงช้าง เป็นต้น
พ.ศ. ๑๘๐๕ พระยาเมงราย ได้แผ่ขยายอำนาจไปทางใต้ ณ เมืองลาวกู่เต้า ตำบลเต่าร้อย ช้างมงคลได้พลัดหลงไป เพราะองค์ได้เสด็จตามช้างไปจนถึงดอยจอมทอง ริมน้ำแม่กกนที เห็นภูมิประเทศเป็นชัยภูมิที่ดี จึงได้สร้างเมืองโดยโอบเอาดอยจอมทองไว้ ขนานนามว่า เมืองเชียงราย

ประวัติความเป็นมาก่อนสร้างเมืองเชียงรายโดยสังเขป ๑

ประวัติความเป็นมาก่อนสร้างเมืองเชียงรายโดยสังเขป

วันนี้ขอนำเสนอประวัติความเป็นมาก่อนสร้างเมืองเชียงรายโดยสังเขป โดยนำมาให้ดูตั้งแต่ก่อนการสร้างเมืองเชียงรายเป็นต้นมา เพื่อจะได้มองเห็นเค้าโครงของเรื่องราวทั้งหมด ทั้งนี้เพื่อการเข้าไปศึกษาเรื่องอื่นๆ ที่ลึกเข้าไป จะได้จับต้นชนปลายได้ถูกต้องแม่นยำมากขึ้น สำหรับบล็อคนี้ ก็ขอนำมาเฉพาะส่วนที่เป็น ประวัติก่อนที่จะมีการสร้างเมืองเชียงรายก่อนครับ จะได้จัดเป็นหมวดหมู่หน่อย

ชนชาติไทยในดินแดนภาคเหนือ อันมีโยนกนครเป็นราชธานี หรือแคว้นล้านนา อาจแบ่งออกเป็น ๕ สมัย ดังนี้

ภูชี้ฟ้า จุดชมวิว และสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของไทย

ภูชี้ฟ้า จุดชมวิว และสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของไทย

ภูชี้ฟ้าจัดเป็น 1 ใน 40 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวของไทย ตั้งอยู่ ณ บริเวณหมู่บ้านร่มฟ้าทอง หมู่ที่ 9 และบ้านร่มฟ้าไทย หมู่ที่ 10 ตำบลปอ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงราย เป็นส่วนหนึ่งของดอยผาหม่น อยู่ห่างจากดอยผาตั้ง 25 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงทางตะวันออกของจังหวัดเชียงราย อยู่ระหว่างรอยตะเข็บชายแดนไทย  – ลาว ลักษณะเป็นหน้าผาสูงเป็นแนวยาวลงไปตามแนวชายแดน บริเวณปลายสุดของหน้าผามีลักษณะแหลมคล้ายกับนิ้วมือชี้ยื่นออกไปในอากาศ เป็นที่มาของชื่อ “ภูชี้ฟ้า “จุดที่สูงสุดของภูชี้ฟ้าอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 1,200 เมตร ถึง 1,628 เมตร เบื้องล่างของหน้าผาเป็นแอ่งหุบเขา เป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเชียงตอง แขวงไชยบุรี ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ภูชี้ฟ้า เป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงราย เป็นจุดชมวิวที่เราเรียกว่า ทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามดุจภาพวาด ทั้งสามมารถเห็นทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล การจะเดินขึ้นไปชมทะเลหมอกควรจะขึ้นไปยอดภูตั้งแต่ฟ้ายังมืด เพราะเมื่อฟ้าเริ่มสว่างจะทำให้เห็นสายหมอกค่อย ๆ ก่อตัวเป็นภาพต่าง ๆ ดูสวยงามราวกับมีช่างวาดฝีมือมาแต่งแต้ม สร้างความประทับใจไม่มีวันลืมเลือน

40 อันดับที่ท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวทั่วไทย

40 อันดับที่ท่องเที่ยว ที่น่าเที่ยวทั่วไทย

อันดับที่ 1. ปางอุ๋ง ตั้ง อยู่ใน อ. เมือง จ. แม่ฮ่องสอน หมู่บ้านรวมไทย เป็นหมู่บ้านโครงการพระราชดําริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ในพระบรมราชินูปถัมป์ ของ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลักษณะพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่

อันดับที่ 2. ปาย ตั้ง อยู่ใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ปายเป็นอําเภอเล็ก ๆ ในจังหวัด แม่ฮ่องสอน ที่มีนักท่องเที่ยวทั้ง ชาวไทยและต่างประเทศมาเยือน อย่างไม่ขาดสาย ความเงียบสงบ ลําน้ำปายสายน้อยที่ไหลผ่าน กระต๊อบเล็ก

อันดับที่ 3. ดอยอ่างขาง ( ศูนย์พัฒนา โครงการหลวงอ่างขาง ) ตั้งอยู่ใน อ. ฝาง จ. เชียงใหม่ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ( ดอย อ่างขาง ) เป็นสถานีวิจัยแห่งแรก ของโครงการหลวง ตั้งอยู่บน เทือกเขาตะนาวศรี ตําบลแม่งอน อําเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

อันดับที่ 4. อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ตั้งอยู่ใน อ. แม่แตง จ. เชียงใหม่ อลังการทะเลหมอก อุทยาน แห่งชาติห้วยน้ําดัง มีพื้นที่ครอบคลุมท่องที่อําเภอแม่แตง อําเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และอําเภอปาย จังหวัด แม่ฮ่องสอน

อันดับที่ 5. วนอุทยานภูชี้ฟ้า ตั้งอยู่ใน อ. เวียงแก่น จ. เชียงราย วนอุทยานภูชี้ฟ้า - ภูชี้ฟ้า อยู่ใน เขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่อิงฝั่ง ขวาและป่าแม่งาว ท่องที่บ้านร่ม ฟ้าทอง หมู่ที่ 9 และบ้านร่มฟ้า ไทย

อันดับที่ 6. ดอยแม่สลอง ตั้งอยู่ใน อ. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ดอยแม่สลอง เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านสันติคิรี เดิมชื่อบ้านแม่สลองนอก เป็นชุมชนผู้อพยพจาก กองพล 93 ซึ่งอพยพจากประเทศพม่าเข้ามาในเขตไทย จํานวนสองกองพัน

อันดับที่ 7. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ ป่าเมฆสูงสุดแดนสยาม แต่เดิม ดอยอินทนนท์มีชื่อว่า ดอยหลวง หรือ ดอยอ่างกา คําว่า ดอยหลวง หมายถึง ภูเขาที่มี ขนาดใหญ่

อันดับที่ 8. วัดร่องขุ่น ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. เชียงราย วัดร่องขุ่น อยู่ที่บ้านร่องขุ่นกม.ที่ 817-818 ทางขวามือ ก่อนจะถึง ตัวเมือง ๑๒ กม. โดยมีอาจารย์ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ จิตรกรชั้น แนวหน้าของประเทศไทย

อันดับที่ 9. อุทยานแห่งชาติภูกระดึง ตั้งอยู่ใน อ. ภูกระดึง จ. เลย วัน ที่ 18 ม.ค. 48 อุณหภูมิบนยอด เขาอุทยานแห่งชาติภูกระดึงวันนี้ อุณหภูมิ ต่ําสุด 8.2 องศาเซลเซียล อุณหภูมิสูงสุด 22.5 องศา เซลเซียล

อันดับที่ 10. ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอ ตั้งอยู่ใน อ.ขุนยวม จ. แม่ฮ่องสอน ทุ่ง บัวตอง ดอยแม่อูคอ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตําบลแม่อูคอ อําเภอขุนยวม ตามเส้น ทางหมายเลข 108 (แม่ฮ่องสอน-ขุนยวม) ก่อนถึงตัว อําเภอประมาณ 1 กิโลเมตร

อันดับที่ 11. อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูหิน ร่องกล้า ตั้งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของสอง จังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เดิมเป็นสมรภูมิสู้รบ ในภูทับเบิก มีภูลมโล ซึ่งเป็นภูเขาสูงที่สุดในอุทยานฯ

อันดับที่ 12. พระตําหนักดอยตุง ตั้งอยู่ใน อ. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย พระตําหนักดอยตุง เคยเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานเพื่อทรงงาน ของสมเด็จพระศรี นครินทราบรมราชชนนี มีรูปทรงผสมผสานระหว่างศิลปะล้านนากับชาเลย์ของประเทศสวิสเซอร์แลนด์

อันดับที่ 13. เวียงกุมกาม ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. เชียงใหม่ เวียงกุมกาม เป็นเมืองโบราณที่พญามังราย (พ่อขุนเม็งราย) ทรงโปรด เกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1829 มีคูเวียงอยู่ 4 ด่านเพื่อไขแม่น้ําปิงให้ขังไว้ในคูเมือง

อันดับที่ 14. ดอยตุง - สวนแม่ฟ้าหลวง ตั้งอยู่ใน อ. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย สวนแม่ฟ้าหลวง ตั้งอยู่ด้านหน้าพระตําหนักดอยตุง สร้างในปี พ.ศ. 2535 มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับนานาพรรณ มีดอกไม้เมืองหนาว

อันดับที่ 15. ดอยเชียงดาว ตั้งอยู่ใน อ. เชียงดาว จ. เชียงใหม่ ดอยเชียงดาว อยู่ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าดอยเชียงดาว อําเภอเชียงดาว ยอดสูงสุดของดอยเชียงดาว เรียกว่า ดอยหลวง เชียงดาว

อันดับที่ 16. วัดพระธาตุลําปางหลวง ตั้งอยู่ใน อ. เกาะคา จ. ลําปาง วัดพระธาตุลําปางหลวงเป็นวัดคู่บ้านคู่เมือง ลําปางมาแต่โบราณ ตาม ตํานานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่ สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย

อันดับที่ 17. ถ้ำแก้วโกมล ตั้งอยู่ใน อ. แม่ลาน้อย จ. แม่ฮ่องสอน ถ้ํา แก้วโกมล อยู่ในท่องที่ ตําบลแม่ลาน้อย อําเภอ แม่ลาน้อย จังหวัด แม่ฮ่องสอน อยู่ในเขตป่า สงวนแห่งชาติป่าแม่ยวม ฝั่งซ้าย มีเนื้อที่ประมาณ 51.26 ไร่

อันดับที่ 18. ภูโคลน ตั้ง อยู่ใน อ. เมือง จ. แม่ฮ่องสอน ภูโคลน ลึกลงไปใต้พื้นพิภพปฐพี ลี้ลับด้วยทะเลสาบใต้ดิน ที่แท้คือ สายน้ำแร่อัน ทรงคุณค่าที่ มนุษย์ค้นหา และพบว่า ตะกอนโคลนที่ปนเปิ้อนมากับน้ําใต้พิภพนั้น

อันดับที่ 19. หมู่บ้านรักไท ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. แม่ฮ่องสอน หมู่บ้าน รักไท (แม่ออ) ตั้งอยู่ ต.หมอกจําแป๋ ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ประมาณ 44 กิโลเมตร ผ่านน้ําตกผาเสื่อขึ้นเขา เป็นทางลาดยาง

อันดับที่ 20. อุทยานแห่งชาติไทรทอง ตั้งอยู่ใน อ. หนองบัวระเหว จ. ชัยภูมิ อุทยาน แห่งชาติไทรทอง อยู่ในท้องที่อําเภอหนอง บัวระเหว อําเภอเทพสถิต อําเภอภักดีชุมพล และ อําเภอหนองบัวแดง จังหวัดชัยภูมิ มีเนื้อที่ ประมาณ 199,375 ไร่

อันดับที่ 21. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ตั้งอยู่ใน อ. น้ำหนาว จ. เพชรบูรณ์ สวน สนบนภูหนาว อุทยานแห่งชาติน้ำหนาวอยู่ในท้องที่อําเภอหล่มเก่า อําเภอหลมสัก อําเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ และอําเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ

อันดับที่ 22. ถ้ำลอดปางมะผ้า ตั้งอยู่ใน อ. ปางมะผ้า จ. แม่ฮ่องสอน ถ้ํา ลอดปางมะผ้า ถ้ําผีแมนเมืองไทย เถื่อนถ้ํา ยิ่งใหญ่กลางพงไพร แม่ฮ่องสอน ซอกซอนเป็น โพรงถ้ําด้วยธารน้ําไหลผ่าน ชั่วนาตาปีมีโลกพิสุทธิ์ดุจประกายเพชร

อันดับที่ 23. อุทยานแห่งชาติออบหลวง ตั้งอยู่ใน อ. ฮอด จ. เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาติออบหลวง มีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ในท้องที่อําเภอจอมทอง อําเภอฮอด และอําเภอแม่ แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีสภาพป่าที่สมบูรณ์ด้วยระบบ นิเวศทุกประการ

อันดับที่ 24. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอินทนนท์ ตั้งอยู่ใน อ. จอมทอง จ. เชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงอินทนนท์ เริ่มดําเนินการเมื่อ เดือน กุมภาพันธ์ 2522 โดย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตามพระราช ประสงค์เพื่อ ช่วยเหลือชาวไทยภูเขา

อันดับที่ 25. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ตั้งอยู่ใน อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ปฐมบทแห่งการอนุรักษ์พงไพรและสัตว์ป่า อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรก ของประเทศไทย มีอาณา เขตครอบคลุม 11 อําเภอ ของ 4 จังหวัด

อันดับที่ 26. อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ตั้งอยู่ใน อ. ปัว จ. น่าน มหัศจรรย์ชมพูภูคา และป่าปาล์มยักษ์ ดอยภูคาเป็นพื้นที่แห่งเดียวในประเทศไทยที่พบต้นชมพูภูคา (Bretschneidera Sinensis Hemsl) ซึ่งเป็นพืชหายาก

อันดับที่ 27. อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตั้งอยู่ใน อ. แก่งกระจาน จ. เพชรบุรี มหัศจรรย์ป่าใหญ่แห่งเทือกเขาตะนาว ศรี อุทยานแห่งชาติแก่ง กระจาน มีพื้นที่ครอบคลุม ท้องที่อําเภอหนองหญ้าปล้อง อําเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

อันดับที่ 28. อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. เชียงใหม่ ดอย สุเทพไม่เพียงแต่เป็นที่ตั้งของวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ปูชนียสถาน คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ และ พระตําหนักภูพิงค์ ราชนิเวศน์

อันดับที่ 29. พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่ใน อ. แม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย พระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่บริเวณ กม. ที่ 17.5 ของ ทางหลวงหมายเลข 1149 เป็นที่บรรจุพระรากขวัญ เบื้องซ้าย (กระดูกไหปลาร้า) ของพระพุทธเจ้า นํามาจากมัธยมประเทศ

อันดับที่ 30. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ ตั้งอยู่ ใน อ. แม่แจ่ม จ. เชียงใหม่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแม่แฮ มีพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งหมด 33 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 อําเภอ ได้แก่ อําเภอแม่วาง อําเภอ แม่ แจ่ม และอําเภอสะเมิง

อันดับที่ 31. หมู่เกาะสุรินทร์ (อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์) ตั้งอยู่ ใน อ. คุระบุรี จ. พังงา ที่สุดแห่งป่าปะการังและวิถีชาวเล พระยาสุรินทราชา เทศาเมืองภูเก็ต (นามเดิมนกยูง วิเศษกุล) เป็นผู้ค้นพบเกาะและตั้งชื่อ หมู่เกาะสุรินทร์

อันดับที่ 32. สามเหลี่ยมทองคํา ตั้งอยู่ใน อ. เชียงแสน จ. เชียงราย สามเหลี่ยมทองคํา อยู่ห่างจากอําเภอแม่สาย 28 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1290 เป็นบริเวณที่แม่น้ําโขงและ แม่น้ํารวกมาบรรจบกัน หรือที่เรียกว่า สบรวก

อันดับที่ 33. วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. เชียงใหม่ วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เดินทางตามถนนห้วย แก้ว ผ่านอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ไปตามทางคดเคี้ยวขึ้น เขา ระหว่างทางจะมองเห็นตัวเมืองเชียงใหม่

อันดับที่ 34. อุทยานแห่งชาติตะรุเตา ตั้งอยู่ใน อ. ละงู จ. สตูล ตํานาน หมู่เกาะทะเลใต้ ตะรุ เตา เป็นคําที่เพี้ยนมาจากคํา ว่า ตะโละเตรา ในภาษา มลายู แปลว่า มีอ่าวมาก ตะรุ เตาเป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ ในทะเลอันดามัน

อันดับที่ 35. อุทยานแห่งชาติน้ําตกแม่สุรินทร์ ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. แม่ฮ่องสอน สุดยอดน้ําตกแห่งเมืองสามหมอกและ ทุ่งดอกบัวตอง อุทยานแห่งชาติน้ําตกแม่สุรินทร์ ตั้งอยู่ในท้องที่อําเภอ ขุน ยวมและอําเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน

อันดับที่ 36. อุทยานแห่งชาติสาละวิน ตั้งอยู่ใน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อุทยานแห่งชาติสาละวิน มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อําเภอ สบเมย อําเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน พื้นที่ส่วน ใหญ่เป็นเทือกเขาสูงสลับกับที่ ราบริมฝั่งน้ำ

อันดับที่ 37. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ.กระบี่ เกาะสวรรค์ แหล่งโบราณหอยล้านปี อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อําเภอเมือง จังหวัดกระบี่

อันดับที่ 38. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ตั้งอยู่ใน อ. เมือง จ. ชุมพร อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร อุดมสมบูรณ์ไปด้วย ทรัพยากร ธรรมชาติที่หลากหลาย แนวปะการังที่ ยังคงความสมบูรณ์และสภาพธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นชายหาด และเกาะ

อันดับที่ 39. วัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่ ใน อ. เมือง จ. แม่ฮ่องสอน วัดพระธาตุดอยกองมู ตั้งอยู่บนดอยกองมูทางทิศตะวันตก ของ ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณอนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชา

อันดับที่ 40. ทะเลแหวก ตั้งอยู์ใน อ. เมือง จ. กระบี่ ทะเลแหวก อัศจรรย์ Unseen Thailand ลึกล้ําเข้าไปกลาง ทะเลลึกแห่งอันดามัน ช่วงเวลาหนึ่งที่เรานั่งเรือชม เกาะรูปร่าง สวยงามแปลกตา

จาก ฟอร์วอร์ดเมล

เที่ยวเชียงราย : ไปไหว้พระธาตุ ๙ จอม

เที่ยวเชียงราย : พระธาตุ ๙ จอม

การเดินทางสู่จังหวัดเชียงราย เป็นสิ่งที่ผู้ที่ชื่นชอบในการเดินทาง ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว เพราะจังหวัดเชียงราย มีสถานที่ให้ได้ชื่นชมหลายๆด้าน แต่ถ้าพูดถึงด้านวัฒนธรรมแล้วก็มีให้ได้ชื่นชมหลายอย่างทีเดียว เช่น ชาวเขา ซึ่งบางคนก็จะพูดแบบผู้ดีหน่อยก็จะว่า "วัฒนธรรมชนเผ่า" ก็ว่ากันไป จะไปดูดอยไหน เผ่าไหน แล้วแต่จะชอบ

เชิญกด ฟังเพลงประกอบด้วยก็ดีครับ

แต่วันนี้ อยากจะกล่าวถึงสถานที่ที่เราควรไป อย่างยิ่ง นั่นก็คือ "วัด" จังหวัดเชียงราย มีประเพณีที่ปฎิบัติกันมาเป็นเวลานานคือ การ"ไหว้พระธาตุ ๙ จอม" (หรือ เจดีย์ ๙ องค์) ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างยิ่ง เพราะการไปไหว้พระธาตุเหล่านี้ ไม่ได้เป็นการไหว้แบบธรรมดา ชาวเชียงรายถือกันว่า การได้ไหว้พระธาตุ ๙ จอม ภายในวันเดียวนั้น จะเป็นสิริมงคลอย่างสูง 

ดังนั้นการจะไปไหว้พระธาตุ ๙ จอมของชาวเชียงรายนั้น จะต้องมีการเตรียมตัว และเตรียมพร้อมพอสมควร เพราะว่า พระธาตุทั้ง ๙ จอมนั้น อยู่ที่ละอำเภอ ต้องนั่งรถไปรอบๆจังหวัดทีเดียว ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ทำให้คนได้รู้ใจกัน เพราะต้องนั่งรถคุยกันเกือบจะตลอดหนึ่งวันเต็มๆ เลยทีเดียว

 พระธาตุ ๙ จอม ของจังหวัดเชียงราย ตั้งอยู่ในวัดต่อไปนี้ คือ

๑ พระธาตุจอมผ่อ - วัดอรัญญวิเวกคีรี หมู่ที่ ๗ บ้านดงหล่ายหน้า ตำบลเวียง อำเภอเวียงป่าเป้า
๒ พระธาตุจอมแจ้ง - วัดจอมแจ้ง อำเภอแม่สรวย
๓ พระธาตุจอมหมอกแก้ว - ​วัดพระธาตุจอมหมอกแก้ว​ หมู่ที่ ๙ บ้านดงมะเฟือง ตำบลจอมหมอกแก้ว อำเภอแม่ลาว
๔ พระธาตุดอยจอมทอง - วัดพระธาตุดอยจอมทอง อำเภอเมืองเชียงราย
๕ พระธาตุจอมสัก - ​วัดพระธาตุจอมสัก หมู่ที่ ๑๔ บ้านเหล่าพัฒนา ตำบลบ้านดู่ อำเภอเมืองเชียงราย
๖ พระธาตุจอมกิตติ - วัดพระธาตุจอมกิตติ อำเภอเชียงแสน
๗ พระธาตุจอมจัน - ​วัดจอมจัน หมู่ที่ ๒ บ้านจอมจันทร์ ตำบลสันทราย อำเภอแม่จัน
๘ พระธาตุจอมแว่ - วัดพระธาตุจอมแว่​ หมู่ที่ ๒ บ้านดอนตัน ตำบลเมืองพาน อำเภอพาน
๙ พระธาตุจอมจ้อ - วัดพระธาตุจอมจ้อ อำเภอเทิง

เมื่อใดที่มาเชียงราย อย่าลืมไปกราบนมัสการ พระธาตุทั้ง ๙ จอม ด้วยนะครับ
คราวหน้าจะนำเสนอวัดภายในกำแพงเมืองเชียงราย ติดตามอ่านด้วยนะครับ

หมายเหตุ
<อ่านประวัติการสร้างเมืองเชียงรายโดยสังเขป ๑>

วาจาสุภาษิต นำมาซึ่งประโยชน์: วัวควายยังอยากฟังเลย

วาจาสุภาษิต นำมาซึ่งประโยชน์

เมื่อสองสามวันก่อน มีแรงจูงใจให้เขียนบางเรื่องซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับการท่องเที่ยว แต่ก็มีประโยชน์ไม่น้อยนะ เพราะเป็นเรื่องการพูดหรือ วาจาสุภาษิต บังเอิญไปได้ยินคนพูดซึ่งเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าพูดออกมา เลยพลอยทำให้คิดถึงจิตใจคนฟัง เมื่อนึกเรื่องที่จะเอามาประกอบ คิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องอะไร บังเอิญมีหนังสือ ภาษาต่างประเทศอยู่ เลยเอามาแปล ซะเลย จึงขอนำเอาข้อคิดมาลงเสริมด้วยอีกทีครับ ขอเริ่มด้วยคำกลอนสวยๆ ที่ว่า 

          จะพูดจาปราศรัยกับใครนั้น
          อย่าตะคั้นตะคอกให้เคืองหู
          ไม่ควรพูดอื้ออึงขึ้นมึงกู
          คนจะหลู่ล่วงลามไม่ขามใจ
                             ที่มา: สุภาษิตสอนหญิง

บ่อยครั้ง ที่พูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ หรือผู้บริหาร มักจะได้เห็นหรือได้ยินการแสดงอำนาจ ไม่ว่าจะโดยการกระทำหรือว่า การใช้วาจาก็ตาม ซึ่งบ่อยครั้งเช่นกัน มักจะได้ยินคำที่ไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไรนัก 

ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำหรือพูดอะไรมากมายขนาดนั้น เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าท่านนะยิ่งใหญ่ที่สุดในองค์กร พูดอะไรคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ยอมรับนับถือและเชื่อฟังอยู่แล้ว การพูดจากันด้วยการให้ความเคารพและยอมรับสิทธิการเป็นคน หรือที่นิยมเรียกกันว่า “สิทธิมนุษยชน” ของเขาด้วย

เมื่อพูดถึงเรื่องการพูดจาปราศรัยแล้ว ทำให้คิดถึงชาดกในพระพุทธศาสนา ซึ่งพระพุทธเจ้า ได้ทรงเล่าให้กับพระสาวกของพระองค์ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องของโคกับเจ้าของของมันที่มักจะพูดจากด้วยภาษา ที่ไม่น่าฟัง หรือคำหยาบ ขออนุญาตนำมาเล่าในที่นี้ สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยฟังหรือไม่เคยอ่าน สำหรับท่านที่เคยผ่านหูผ่านตามาแล้วก็ขอให้ผ่านไปครับ
เรื่องมีอยู่ว่า อดีตกาลนานแล้ว ในเมืองตักกะสิลา ของคันธาระ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของอินเดีย พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นลูกวัวที่มีกำลังมาก อยู่ในบ้านของเศรษฐีคนหนึ่ง

วัวตัวนั้น เมื่อเติบโตมาแล้วก็คิดว่าตนได้รับประทานอาหารดีและการดูแลดี แม้ว่าบางครั้งจะได้รับความลำบากบ้าง แต่เมื่อตนเป็นผู้ที่มีกำลังมาก ในการบรรทุกของหนักต่างๆ ซึ่งวัวตัวอื่นไม่มีกำลังมากเท่า ตนจะได้ใช้ความแข็งแรงนั้นช่วยงานเศรษฐีเป็นการตอบแทน

โคนั้นจึงบอกกับท่านเศรษฐีว่า ท่านน่าจะไปท้าพนันกับพ่อค้าที่รวยๆทั้งหลาย ว่าข้าสามารถลากเกวียนหนักนับพันเล่มได้ เศรษฐีนั้นเห็นว่าเป็นความคิดที่ดี จึงได้ไปท้าว่า ไม่มีวัวใครสามารถลากได้ดีเท่าวัวตน จนมาเจอกับพ่อค้าคนหนึ่ง จึงบอกว่าเช่นนั้นแล้วท้าพนันกันด้วยเหรียญทองจำนวน ๑,๐๐๐ เหรียญ แล้วจึงนัดวันและเวลา

เมื่อถึงวันแข่งขัน ทั้งสองคนได้นำเกวียนนับพันเล่ม มามัดต่อกัน แล้วเติมทรายและกรวดข้างในเพื่อให้มีน้ำหนักมาก

ฝ่ายเศรษฐี ก็ได้ให้อาหารอย่างดีแก่วัวของตน รวมทั้งอาบน้ำให้แล้วประดับตกแต่งพร้อมทั้งแวนพวงมาลัยที่สวยงามที่คอวัวนั้น แล้วเขาก็ใส่อานดูแล้วไฮคลาสทีเดียว ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้วัวรู้ว่าตัวเองมีความสำคัญมาก แล้วเขาก็กระโดดขึ้นหลังวัว และหวดแส้กลางอากาศพร้อมกับตะโกนว่า "ลากไป ไอ้วัวโง่! ฉันบอกให้แกลากไง ไอ้วัวแสนโง่"

วัวจึงคิดในใจว่า การแข่งขันนี้เป็นความคิดของเรา เราไม่เคยทำอะไรไม่ดีต่อเจ้านายเลย แต่เขากลับ แสดงวาจาไม่ดี ไม่สุภาพต่อฉัน ดังนั้นวัวจึงยืนอยู่กลับที่และปฏิเสธที่จะลากเกวียน

พ่อค้าเห็นอย่างนั้นจึงหัวเราะแล้วทวงเอารางวัลที่พนันกันไว้ คือเหรียญทองทั้ง ๑,๐๐๐ เหรียญนั้น จากท่านเศรษฐี ๆ จึงเดินคอตกกลับด้วยความเศร้า ที่เสียพนัน และรู้สึกแย่มาก

ส่วนวัวนั้น เมื่อถึงบ้านเห็นเศรษฐีเจ้านายของตนนอนลงด้วยความเศร้า จึงถามว่า ท่านทำไมนอนอย่างนั้น หลับอยู่หรือเปล่า ดูเศร้าเหลือเกิน เศรษฐีตอบว่า ฉันเสียเหรียญทองไปเป็นพันเพราะเจ้า แล้วจะให้ฉันหลับลงได้อย่างไร

วัวจึงตอบว่า ท่านเรียกฉันว่า เจ้าวัวโง่ ทั้งยังหวดแส้กลางอากาศตรงบนหัวเรา ตลอดชีวิตฉันเคยไหมที่จะไม่เชื่อฟังท่าน ฉันไม่เคยทำอะไรที่ผิดหรือไม่ดี ที่ท่านจะมาเรียกได้ว่า "วัวโง่" เขาตอบว่า ไม่เลย

วัวจึงพูดขึ้นว่า แล้วทำไมท่านจึงเรียกเราว่า "วัวโง่" และยังทำไม่ดีแต่เราต่อหน้าผู้คนอีก มันเป็นความผิดของท่านนะ ฉันไม่ผิด แต่ก็รู้สึกเสียใจด้วย ท่านไปท้าพนันกับพ่อค้าคนเดิมด้วยเหรียญทองจำนวน ๒,๐๐๐ เหรียญ และจงจำไว้ว่า ควรใช้คำพูดที่สุภาพแต่เราด้วยแล้วเราจะทำอย่างดี

เมื่อเศรษฐีท้าพนันกับพ่อค้าคนเดิมด้วยจำนวนเหรียญทองสองพันเหรียญ พ่อค้าคิดว่า จะได้เงินแบบง่ายๆ แล้วเขาก็ทำเหมือนครั้งก่อนคือ มันเกวียนหนึ่งร้อยเล่มติดกันแล้วเดิมทรายและกรวดข้างใน ส่วนเศรษฐีก็ได้ให้อาหาร อาบน้ำ และประดับพวงมาลัยให้กับวัวของตนเหมือนเดิม

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ท่านเศรษฐีก็ไปสัมผัสกับวัวนั้นที่หน้าผากด้วยดอกบัวแทนการตีด้วยแส้ คิดประเหมือนกับว่าวัวนั้นเป็นลูกของตนเองแล้วพูดว่า ลูกเอ๋ย โปรดทำให้เราได้รับรางวัลด้วยการลากเกวียนจำนวนร้อยเล่มนี้เถิด

ดูแล้วก็เห็นว่า วัวที่น่าอัศจรรย์นั้น ลากเกวียนเหล่านั้นด้วยกำลังมหาศาลของตน จนเกวียนเล่มสุดท้ายมาอยู่ที่เกวียนเล่มแรกเคยอยู่

พ่อค้าถึงกับอ้าปากค้างด้วยความทึ่ง แล้วจำต้องจ่าย เหรียญทองจำนวนสองพันเหรียญ ผู้ที่มาดูก็ประทับใจจึงให้รางวัลต่างๆ แต่สำหรับท่านเศรษฐีนั้นสิ่งที่สำคัญกว่าชัยชนะก็คือบทเรียนอันล้ำค่า ในเรื่อง ความถ่อมตน ความอ่อนน้อม และ การเคารพ หรือความสุภาพ นั่นเอง

คุณธรรมหรือข้อคิดจากชาดกเรื่องนี้ คือ การใช้คำหยาบ ทำให้พลาดรางวัล ส่วนคำพูดที่สุภาพนำมาซึ่งเกียรติสู่ทุกคน ถ้าจะพูดอย่างนี้คงไม่ผิดนัก เหมือนที่เราเคยพูดกันบ่อยๆว่า “พูดดีเป็นศรีแก่ปาก” แล้วก็มีคนรุ่นใหม่มักจะเติมเข้าไปอีกว่า “...พูดมาก ปากจะเป็นสี” นั่นแหละ

ฉะนั้น คนเรา ไม่ว่าจะเป็นระดับผู้บริหาร หรือว่า ระดับผู้ปฏิบัติงาน ก็ตาม สิ่งสำคัญและต้องระวังคือคำพูด ควรจะเป็นวาจาสุภาษิต ไม่ว่าหยาบคาย ไม่หยาบโลน หรือเสียงดัง เสียงตะคอก ถ้ามองจากชาดกที่นำมาประกอบนั้น ก็อาจจะกล่าวได้ว่า ขนาดวัวควายยังอยากฟังคำพูดสุภาพ แล้วเราเป็นคนล่ะ ต้องสุภาพขนาดไหน???